ลงทุนหุ้นสุขภาพ ในยุคที่กระแสการดูแลตัวเอง มีมากยิ่งขึ้น หุ้นสุขภาพ มีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ในการลงทุน บทความนี้เราจะมาแนะนำ อีกหนึ่งหุ้นที่กลายเป็นเทรน ที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีในอนาคต
หุ้นสุขภาพ คืออะไร ?
หุ้นสุขภาพ เป็นหุ้นจากบริษัท ที่ดำเนินกิจกรรมเพื่อสุขภาพ ทั้งจากการรักษาโรค อาหารเสริม รวมถึงการให้คำแนะนำเพื่อสุขภาพ กิจกรรมการผลิต และบริการทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ ล้วนจัดอยู่ในการ ลงทุนหุ้นสุขภาพ แทบทั้งหมด
กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ ลงทุนหุ้นสุขภาพ มีอะไรบ้าง
เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจในการ ลงทุนหุ้นสุขภาพ มากยิ่งขึ้น เราจะมาแนะนำกิจกรรมต่างๆ ที่บริษัทของหุ้นสุขภาพ ดำเนินการอยู่ กิจกรรมเหล่านี้มีทั้งการช่วยส่งเสริมสุขภาพทางตรง และการช่วยส่งเสริมสุขภาพทางอ้อม โดยรายละเอียดแบ่งย่อยเป็นดังนี้
สถานพยาบาล
หรือโรงพยาบาล สำหรับการรักษา ที่เราต่างก็คุ้นเคยกัน สถานพยาบาลเหล่านี้มีทั้งที่เป็นภาครัฐ และภาคเอกชน โดยภาคเอกชนนั้น เราสามารถเข้าไปซื้อหุ้นเพื่อ ลงทุนหุ้นสุขภาพ ตามสถานพยาบาลเหล่านั้นได้ ซึ่งแต่ละแห่งก็จะมีการบริหารจัดการที่ต่างกันไป
สถานพยาบาลในภาคเอกชน ที่มีการลงทุนนั้น แตกต่างจากภาครัฐโดยสิ้นเชิง เพราะถือเป็นการลงทุนประเภทหนึ่ง จึงต้องมีผลตอบแทนในรูปแบบของ กำไร เพื่อไปผลักดันให้มูลค่าของหุ้นเติบโต ตัวอย่างรายชื่อโรงพยาบาลเอกชนที่โด่งดัง มีดังนี้
- โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
- โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
- โรงพยาบาลกรุงเทพ
- โรงพยาบาลรามาธิบดี
- โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท
ที่มา: TQM [1]
โรงพยาบาลเหล่านี้เป็นอีกหนึ่ง การลงทุนหุ้นสุขภาพ ที่เปิดให้ซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ดำเนินกิจการเป็นธุรกิจแบบบริการ มีอัตราค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงกว่า โรงพยาบาลของภาครัฐ โดยมีตัวอย่างรายละเอียดราคาดังนี้
- โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ราคาค่าห้อง 14,700-75,200 บาท/คืน
- โรงพยาบาลกรุงเทพ ราคาค่าห้อง 11,300-150,000 บาท/คืน
- โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ราคาค่าห้อง 9,200-40,200 บาท/คืน
ที่มา: Kapook ราคาค่าห้องพัก รพ. อัปเดตปี 2567 [2]
กลุ่มยา และอาหารเสริม
ยา และอาหารเสริม จัดอยู่ในกลุ่มการ ลงทุนหุ้นสุขภาพ โดยการลงทุนหุ้นประเภทนี้ ผู้เขียนได้ทำบทความแยกย่อย ลงทุนหุ้นยา เพื่อให้ผู้อ่านสามารถดูเนื้อหาของ หุ้นยา ในเชิงลึกได้ ซึ่งหุ้นยานี้เองก็มีความน่าสนใจในการลงทุนอยู่ไม่น้อย
ไม่ว่าจะเป็นยารักษาโรค วิตามิน ยาสมุนไพร หรืออาหารเสริม จัดอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับสุขภาพ บริษัทดำเนินการผลิตสินค้าเหล่านี้ เพื่อจำหน่ายให้แก่โรงพยาบาล รวมถึงขายอยู่ตามร้านขายยา หรือแม้แต่ในร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้าทั่วไป อัตราการเติบโตของหุ้นชนิดนี้ขึ้นอยู่กับยอดขาย
กลุ่มอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์
เครื่องมือทางการแพทย์ทุกชนิด ตั้งแต่ถุงมือ มีดผ่าตัด ไปจนถึงเครื่องเอกซเรย์ ที่มีการสร้างด้วยความมีมาตรฐาน และความปลอดภัย เพื่อจำหน่ายให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ เป็นอีกหนึ่งในการ ลงทุนหุ้นสุขภาพ ที่เกี่ยวข้องกับความต้องการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์โดยเฉพาะ
การเติบโตของบริษัทเหล่านี้ ก็คล้ายกับกลุ่มยา และอาหารเสริม เพราะต้องพึ่งยอดขายเป็นหลัก โดยยอดขายจะขึ้นอยู่กับความต้องการใช้อุปกรณ์ รวมถึงการทำสัญญาซื้อขายของโรงพยาบาล
กลุ่มกิจกรรมเพื่อสุขภาพอื่นๆ
กลุ่มการ ลงทุนหุ้นสุขภาพ ในหัวข้อนี้ถือว่าเป็นกิจกรรมเพื่อสุขภาพในทางอ้อม ซึ่งจะมีการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การนวดแผนไทย การนวดน้ำมัน และกิจกรรมเพื่อประโยชน์อื่นๆ ซึ่งกลุ่มนี้มักจะจัดอยู่ในหมวดหมู่การท่องเที่ยว หรือการบริการมากกว่า
แต่ถึงอย่างนั้น กระแสการรักสุขภาพก็มาส่งผลกับ กิจกรรมเหล่านี้ได้โดยตรง เทรนการรักสุขภาพ ได้ไปกระตุ้นให้ผู้คนหันมาทำกิจกรรมเพื่อสุขภาพมากขึ้น หุ้นเหล่านี้จึงมีแนวโน้มเติบโตไปพร้อมๆกับ หุ้นสุขภาพ ใน 3 หัวข้อที่เราได้กล่าวมาข้างต้น
เทรนกับความสำคัญของการดูแลสุขภาพ
ปัจจุบันนี้เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การรักษาสุขภาพ เข้ามามีส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตของมนุษย์ เพราะแนวโน้มของการเข้าสู่ช่วงสังคมผู้สูงอายุ รวมถึงผลจากโควิด-19 ที่เข้ามาเป็นแปลงวิถีชีวิต ทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจในสุขภาพมากยิ่งขึ้น [3]
มนุษย์เรานั้นหลีกหนีความเจ็บป่วยไม่ได้ แค่อากาศเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย หลายคนก็มักจะเป็นหวัด ต้องพึ่งพายารักษาโรค และต้องไปโรงพยาบาล ซึ่งการเจ็บป่วยเหล่านี้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล ทำให้เทรนการดูแลสุข กลายมาเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันของทุกคน
เมื่ออายุยิ่งมากขึ้น ก็มีแนวโน้มจะพบการเจ็บป่วยมากขึ้น รวมถึงการแพร่ระบาดของโรค อย่างเช่น โควิด-19 ก็ยิ่งเข้ามาทำลายสุขภาพของเราได้อีก มีคนไม่น้อยที่ตั้งใจดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง ทานอาหารเสริม รวมถึงสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตัวเอง
จุดเด่นในการ ลงทุนหุ้นสุขภาพ
ลงทุนหุ้นสุขภาพ นั้นก็มีจุดที่สร้างความได้เปรียบมากกว่าหุ้นชนิดอื่นอยู่หลายประการ เป็นสิ่งที่หุ้นชนิดอื่นๆไม่สามารถเลียนแบบได้ ซึ่งข้อดีเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยทำให้ หุ้นสุขภาพ มีการเติบโตที่น่าสนใจ โดยรายละเอียดมีดังนี้
- มีทางเลือกหลากหลาย ลงทุนหุ้นสุขภาพ ถูกแบ่งย่อยออกเป็น 3-4 กลุ่มหลักคือ หุ้นโรงพยาบาล หุ้นยา และหุ้นเครื่องมือทางการแพทย์ ที่มีการบริหารจัดการแตกต่างกัน ทำให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกหลายทาง รวมถึงใช้เพื่อการกระจายความเสี่ยงได้
- เทรนสุขภาพที่มาแรง ตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพกันอย่างเต็มที่ หน้ากากอนามัยที่สมัยก่อนมีเพียงแพทย์ที่ใส่ แต่ปัจจุบันผู้คนทั่วไปต่างก็นิยมใส่ เพื่อป้องกันเชื้อโรคต่างๆ รวมถึงฝุ่นควันมากยิ่งขึ้น
- การเข้าสู่ช่วงสังคมผู้สูงอายุ ปัจจุบันนี้อัตราการเกิดของประชากรน้อยลง แต่การเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นทุกที ซึ่งแพทย์ได้พบผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ความดัน จากผู้สูงอายุมากขึ้นเรื่อยๆ [4] การเข้าถึงระบบสาธารณสุขจึงเพิ่มขึ้นตามมา
- มีคู่แข่งน้อย เกิดการผูกขาดได้ยาก ยารักษาโรคต่างๆ รวมถึงโรงพยาบาล มีการผูกขาดได้น้อย เนื่องจากโรงพยาบาลที่ยังไม่เพียงพอ ต่อการใช้บริการของผู้ป่วย รวมถึงยาที่ยังคงมีการใช้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- มีการสนับสนุนจากหลายส่วน รวมถึงภาครัฐ ยารักษาโรค รวมถึงสิทธิ์ในการเข้ารับการรักษา ถือเป็นปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ที่ภาครัฐเข้ามาสนับสนุน และช่วยเหลืออย่างเต็มที่
ข้อดีเหล่านี้คือจุดแข็ง ที่ทำให้ ลงทุนหุ้นสุขภาพ มีความได้เปรียบ รวมถึงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะมนุษย์นั้นหลีกเลี่ยงการเจ็บป่วยไม่ได้ รวมถึงเทรนสุขภาพที่เข้ามากระตุ้นการเติบโต ในส่วนของการลงทุนมากขึ้นไปอีก
จุดด้อยในการ ลงทุนหุ้นสุขภาพ
เมื่อพูดถึงจุดเด่นไปแล้ว คราวนี้เรามาดูจุดด้อยกันบ้าง ในการ ลงทุนหุ้นสุขภาพ ก็มีบางจุด ที่ถือเป็นข้อด้อยอยู่เช่นเดียวกัน ดังนี้
- มีต้นทุน และค่าใช้จ่ายที่สูง การผลิตยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีความปลอดภัย มีมาตรฐาน และมีต้นทุนที่สูงมาก การดำเนินการที่มีต้นทุนที่สูงนี้ ย่อมมีความเสี่ยงในการขาดทุน หากมีการบริหารไม่ดีพอ
- ต้นทุนสูง ก็มีอัตราบริการที่สูง ค่าบริการที่สูงของการรักษา หรือยารักษาโรค อาจทำให้คนชั้นล่างไม่สามารถเข้าถึงได้ จึงทำให้ตลาดของสุขภาพนี้ เฉพาะเจาะจงแค่คนที่มีรายได้สูงบางกลุ่ม
- ในสภาวะปกติ อาจไม่ได้มีการเติบโตที่สูง สภาวะปกติก็คือช่วงที่ไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นของความต้องการด้านสุขภาพ หรือหลังจากช่วงสังคมผู้สูงวัย เมื่อเทียบการเติบโตแล้ว หุ้นสุขภาพไม่ได้มีการโตแบบก้าวกระโดด เหมือนหุ้นสินค้าฟุ่มเฟือยบางประเภท
- การถูกแทรกแซงราคา ดังที่เราได้กล่าวไปว่าการรักษา และยารักษาโรค เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อมนุษย์ ภาครัฐจึงต้องเข้ามาแทรกแซงราคา ไม่ให้สูงเกินไปจนผู้คนจับต้องไม่ได้ ซึ่งสิ่งนี้อาจไปกระทบการเติบโตของหุ้น
- มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน ลงทุนหุ้นสุขภาพ ก็มีความเสี่ยงตามมาเฉกเช่นเดียวกับหุ้นชนิดอื่น นักลงทุนควรคำนึงถึงความเสี่ยงนี้ และบริหารการลงทุนอย่างมีสติ
การมีต้นทุนที่สูง รวมถึงการกำหนดราคาไม่ได้อย่างอิสระ ก็เป็นตัวที่ทำให้การเติบโตของ ลงทุนหุ้นสุขภาพ ไม่ได้สูงเท่าที่ควรเหมือนหุ้นบางกลุ่มอื่นๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หุ้นประเภทนี้ก็มีความมั่นคงที่ค่อนข้างดีกว่า มาเป็นสิ่งทดแทน
ตัวอย่าง กองทุนรวมสุขภาพในต่างประเทศ
สำหรับการ ลงทุนหุ้นสุขภาพ ในต่างประเทศนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งในทางเลือก โดยหัวข้อนี้เราจะมาแนะนำ กองทุนรวมสุขภาพ ที่มีความน่าสนใจไม่น้อยไปกว่าหุ้นเลย กองทุนเหล่านี้มีการเติบโตที่ดี รวมถึงมีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นทั่วๆไป
1. KWI HCARE-A
เป็นกลุ่มกองทุนหุ้นสุขภาพ ที่ถูกแยกย่อยเกี่ยวกับอุตสาหกรรม ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพทั้งหมด ในช่วงที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างดี เป็นหนึ่งในกองทุนที่มีความน่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการ ลงทุนหุ้นสุขภาพ
คลิกเพื่อดูรายละเอียด เพิ่มเติมทั้งหมดของหุ้น KWI HCARE-A
2. K-GHEALTH
อีกหนึ่งกองทุนรวมหุ้นสุขภาพ ที่มีการลงทุนในอุตสาหกรรมการแพทย์ ยาเพื่อใช้รักษาโรค โดยกองทุนตัวนี้มีความเสี่ยงในระดับปานกลาง และมีอัตราการเติบโตที่ดีในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
คลิกเพื่อดูรายละเอียด เพิ่มเติมทั้งหมดของหุ้น K-GHEALTH
3. KFHEALTH-A
กองทุนหุ้นสุขภาพในต่างประเทศ ที่มีการเติบโตถึง 18.9% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เป็นกองทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประเภทสุขภาพทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการผลิตยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงธุรกิจของโรงพยาบาล
คลิกเพื่อดูรายละเอียด เพิ่มเติมทั้งหมดของหุ้น KFHEALTH-A
ลงทุนหุ้นสุขภาพ กับกองทุนรวมเหล่านี้ แตกต่างจากหุ้นทั่วไปอยู่บ้าง โดยการลงทุนในกองทุน จะมีผู้เชี่ยวชาญที่คอยบริหารกองทุนให้แก่เรา กองทุนนั้นจึงเหมาะสำหรับ ผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลามาก รวมถึงผู้ที่ต้องการใช้เพื่อการกระจายความเสี่ยงของหุ้น
ตัวอย่าง หุ้นสุขภาพในต่างประเทศ
ลงทุนหุ้นสุขภาพ ในหุ้นที่เป็นบริษัทต่างชาติโดยตรง โดยเฉพาะหุ้นที่ครอบคลุมในประเทศที่มีกระแสรักสุขภาพ รวมถึงมีผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น จะมีการเติบโตได้ดี โดยหุ้นสุขภาพในต่างประเทศ ที่น่าสนใจมีดังต่อไปนี้
1. Johnson & Johnson (JNJ)
บริษัทสัญชาติอเมริกัน ที่มีอุตสาหกรรมการผลิตยา และผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ หลากหลายชนิด รวมถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาด้วย มีบริษัทแยกย่อยกว่า 200 แห่งทั่วโลก
คลิกเพื่อดูรายละเอียด เพิ่มเติมทั้งหมดของหุ้น Johnson & Johnson (JNJ)
2. Pfizer (PFE)
เป็นบริษัทยาของอเมริกา ที่ผลิตและจำหน่ายยาหลากหลายชนิด โดยยาที่ชื่อว่า Atorvastatin มีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอล เป็นยาที่ทางบริษัทขายดีที่สุด รวมถึงช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ทางบริษัทก็ได้พัฒนาวัคซีนต้านเชื้อด้วยเช่นกัน
คลิกเพื่อดูรายละเอียด เพิ่มเติมทั้งหมดของหุ้น Pfizer (PFE)
3. Universal health services (UHS)
เป็นหุ้นของโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ในสหรัฐอเมริกา ดำเนินกิจกรรมการรักษาผู้ป่วย บริการด้านพยาบาล และอื่นๆ ที่ครอบคลุมในด้านสุขภาพ รวมถึงมีสาขามากมายในสหรัฐอเมริกา
คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งหมดของหุ้น Universal health services (UHS)
บริษัทเหล่านี้ถือเป็นบริษัทชั้นนำของการ ลงทุนหุ้นสุขภาพ ที่มีอยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่หลังช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ได้ผ่านมานี้เอง แต่ยังไงหุ้นเหล่านี้ก็ล้วนมีความเสี่ยงในตัว ผู้ลงทุนควรศึกษา และทำความเข้าใจ ก่อนการลงทุน
ตัวอย่าง หุ้นสุขภาพในประเทศไทย
ในหัวข้อนี้ เราจะพามารู้จักกับหุ้นสุขภาพ ในประเทศไทย โดยเราจะยกตัวอย่างเฉพาะหุ้นบางตัวที่มีการเติบโตที่ดี มาเพียงบางส่วนเท่านั้น
1. Saintmed PCL (SMD)
ชื่อเต็มคือ บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่เป็นตัวแทนจำหน่าย รวมถึงการนำเข้าเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อจำหน่ายให้แก่โรงพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์
คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งหมดของหุ้น Saintmed PCL (SMD)
2. Winnergy Medical PCL (WINMED)
ชื่อเต็มคือ บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่นำเข้าเครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และเครื่องบำบัดรักษา ให้แก่สถานพยาบาลในประเทศไทย
คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งหมดของหุ้น Winnergy Medical PCL (WINMED)
3. Sri Trang Gloves Thailand PCL (STGT)
ชื่อเต็มคือ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่ผลิตถุงมือทางการแพทย์ และอุปกรณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อจำหน่ายให้แก่โรงพยาบาลทั่วประเทศไทย
คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งหมดของหุ้น Sri Trang Gloves Thailand PCL (STGT)
การผลิตอุปกรณ์ และเครื่องมือทางการแพทย์ ต้องการเทคโนโลยีขั้นสูง ในไทยเองก็มีหลายบริษัทที่ผลิตสินค้าเหล่านี้ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ยังต้องนำเข้าอุปกรณ์บางชนิดอยู่ ซึ่งการ ลงทุนหุ้นสุขภาพ กับบริษัทในไทย ก็ถือว่ามีความน่าสนใจไม่น้อยกว่าบริษัทต่างชาติเช่นกัน
สรุป ลงทุนหุ้นสุขภาพ กับกระแสรักสุขภาพจากทั่วโลก
ลงทุนหุ้นสุขภาพ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุน ที่มีข้อได้เปรียบในยุคนี้ ที่มีเทรนการรักสุขภาพมาแรง อย่างไรก็ตามในการลงทุนหุ้นทุกชนิด ย่อมมีความเสี่ยงที่เลี่ยงไม่ได้เกิดขึ้น ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนการลงทุน เพื่อลดผลกระทบด้านความเสี่ยงที่ตามมา
อ้างอิง
[1] TQM. (November 10, 2022). โรงพยาบาลชั้นนำในไทย. Retrieved from tqm
[2] Kapook. (January 9, 2024). ค่าห้องโรงพยาบาลเอกชน 2567. Retrieved from kapook
[3] The Gen C. (July 9, 2023). กลุ่มหุ้นธุรกิจ Healthcare ในไทย. Retrieved from ananda
[4] SET Investnow. (January 12, 2023). ลงทุนหุ้นสุขภาพ เมกะเทรนด์แห่งอนาคต. Retrieved from setinvestnow