ผักชีลาว ผักที่คนไทยนิยมใช้ทำอาหารอีสาน หรืออาหารพื้นเมือง สามารถนำมาประกอบอาหารได้ทั้งต้น ใบ ดอก รวมถึงเมล็ดรสชาติอร่อย มีกลิ่นหอมเฉพาะ และแม้ว่าจะชื่อ "ผักชี ลาว" แต่ไม่ได้มาจากประเทศลาว ทั้งยังมีสรรพคุณเด่น ช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ เกี่ยวกับระบบย่อยอาหารอีกด้วย
ความเป็นมา ผักชีลาว พืชพื้นเมืองแอฟริกาเหนือ
ผักชีลาว (Dill) พืชล้มลุกขนาดเล็ก จัดอยู่ในวงศ์ Apiaceae โดยเป็นสมุนไพรพื้นเมือง ถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกาเหนือ ประเทศอิหร่าน และคาบสมุทรอาหรับ นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลาย ในยุโรปและเอเชีย เหมาะสำหรับเป็นเครื่องเทศ ปรุงแต่งอาหาร และสมุนไพรให้กลิ่นหอม [1]
อธิบายลักษณะ ผักชีลาว
พืชชนิดล้มลุก โดยมีความสูงเพียง 0.46 – 1.52 เมตร ลำต้นสีเขียวเข้มเรียวยาว และมีใบกลวง ค่อนข้างบอบบาง ใบเรียงสลับกัน มีความยาว 10 – 20 เซนติเมตร สามารถเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อน หรือแห้งแล้ง โดยมีดอกสีขาว หรือดอกสีเหลืองขนาดเล็ก ส่งกลิ่นหอม และมีเมล็ดจากผลแห้งอยู่ด้านใน
การเพาะปลูกและขยายพันธุ์
สายพันธุ์ของผักชี ลาว มีด้วยกัน 2 ชนิด คือ ผักชี ลาวยุโรป และผักชี ลาวเอเชียเขตร้อน ในประเทศไทยนิยมปลูก เพื่อใช้รับประทาน มากกว่าการปลูก เพื่อนำมาเป็นเครื่องเทศ เนื่องจากมีคุณภาพค่อนข้างน้อย โดยใช้ระยะเวลาการปลูก ประมาณ 60 วัน สามารถนำมาประกอบอาหาร หรือกินแบบต้นสดได้
การเพาะปลูก แนะนำว่าควรเป็นดินพรวน ผสมกับปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอกที่สลายตัวได้ดี และดินควรไม่มีความเป็นกรด สามารถขยายพันธุ์ได้ดีจากเมล็ด สำหรับการปลูกมี 2 วิธี ดังต่อไปนี้
- เตรียมเมล็ดพันธุ์สำหรับปลูก และหว่านเมล็ดให้ทั่วแปลง
- การวัดระยะห่างของหลุมก่อน ประมาณ 15 x 15 เซนติเมตร ใช้นิ้วจิ้มเป็นหลุมในระยะที่เท่ากัน และหยอดเมล็ดลงไปในหลุม ตามด้วยดินกลบ แล้วรดน้ำให้ทั่ว
ผักชีลาว ผักกินก็อร่อยรักษาโรคก็ดี
ผักใบเขียวที่มีเอกลักษณ์ และเป็นหนึ่งใน พืชสมุนไพร กลิ่นหอมเฉพาะ สามารถรับประทานได้ทั้งแบบสด และแบบผ่านความร้อน ตั้งแต่ส่วนของรากถึงยอดอ่อน ทั้งยังนำมาตกแต่งจานอาหาร ให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น คนไทยส่วนมากนิยมนำมา ประกอบอาหารอีสาน หรืออาหารพื้นเมือง จะช่วยลดกลิ่นคาวได้ดี
ประโยชน์และสรรพคุณเพียบ
ผักชี ลาวเป็นพืชที่มีประโยชน์มากมาย สามารถนำมาทำอาหาร หรือเป็นยารักษาโรคได้หลายส่วน ดังนี้
- เมล็ดผัก ชีลาว : ตามตำรับยาสมุนไพร เมล็ดจะถูกเรียกว่า เทียนตาตั๊กแตน เพราะมีลักษณะเป็นวงรี เรียวยาว สีน้ำตาลแกมเหลือง คล้ายกับดวงตาตั๊กแตน ซึ่งมีกลิ่นหอมกว่าส่วนอื่น สรรพคุณช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ อาเจียน ขับลม ย่อยอาหาร และอาการท้องอืด จุกเสียด หากนำไปสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย จะมีคุณสมบัติช่วยต้าน และยับยั้งเชื้อโรค สาเหตุของอาหารเป็นพิษอีกด้วย
- ใบและลำต้น : ประกอบด้วยสารให้กลิ่นหอม ใช้ในอุตสาหกรรมการอาหาร ช่วยลดความคาวของอาหารทะเล หรืออาหารดิบ เมื่อรับประทานน้ำต้มจากผักชี ลาว เป็นเวลา 14 วัน จะสามารถลดระดับไตรกรีเซอไรด์ และระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ได้มากถึง 20 – 50% ทั้งยังมีคุณสมบัติที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง และโรคแผลในกระเพาะอาหาร
ที่มา: ผักชี ลาว(Dill) [2]
รวมสารอาหารจากผักชี ลาว
คุณค่าทางโภชนาการจากผัก โดยให้พลังงานทั้งหมด 29 กิโลแคลอรี ในปริมาณ 100 กรัม ประกอบด้วย โปรตีน 4 กรัม คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม และไขมัน 1 กรัม รวมทั้งวิตามิน A, B12, C, E กากใยอาหาร แคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส [3]
สามารถทำเมนูอาหารคาวได้หลากหลาย เพราะช่วยแต่งกลิ่นหอม นิยมทานคู่กับอาหารรสจัด อย่างเช่น แกงอ่อม เส้นหมี่หมูย่างตะไคร้ ไข่ทอดผักชีลาว แกงเผ็ด ต้มเล้ง น้ำพริก ยำผักชีลาว ผัดฟักทองมะระขี้นก และแกงไก่ใต้น้ำ หรือแม้กระทั่งเป็นส่วนผสมของ น้ำสลัด ซอส และน้ำซุป เป็นต้น
สรุป ผักชีลาว “Dill”
ผักชีลาว พืชล้มลุกสมุนไพรพื้นเมือง จากถิ่นกำเนิดทวีปแอฟริกาเหนือ อิหร่าน และคาบสมุทรอาหรับ เหมาะสำหรับทำอาหาร ช่วยแต่งกลิ่นหอม ประเภทเดียวกับ โรสแมรี โดยส่วนของเมล็ด ใบ และลำต้น สามารถช่วยบรรเทาอาการ อาหารเป็นพิษ และลดการเกิดโรคแผลในกระเพาะ หรือโรคมะเร็งได้
อ้างอิง
[1] wikipedia. (September 23, 2024). Dill. Retrieved from wikipedia
[2] hdmall. (April 3, 2024). ผักชี ลาว(Dill). Retrieved from hdmall
[3] calforlife. (2015-2024). พลังงานและสารอาหารจากผักชีลาว. Retrieved from calforlife