กระเจี๊ยบแดง สมุนไพรอันเลอค่า หลายคนมักนึกถึง น้ำกระเจี๊ยบสีแดงสด รสชาติเปรี้ยวอมหวาน กลิ่นหอม แถมเป็นเครื่องดื่มที่มีราคาถูก สามารถหารับประทานได้ง่าย นอกจากความอร่อยลงตัวแล้ว ยังครอบคลุมการดูแลสุขภาพร่างกาย ถือว่าเป็นพืชที่สารพัดประโยชน์ชนิดหนึ่ง
เปิดโลกสาระน่ารู้กับ กระเจี๊ยบแดง
กระเจี๊ยบแดง (Roselle) หรือมักเรียกว่า กระเจี๊ยบเปรี้ยว พืชดอกขนาดเล็ก จัดอยู่ในสกุลดอกชบา Hibiscus ถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกาตะวันตก โดยในช่วงศตวรรษที่ 16 – ศตวรรษที่ 17 มีการแพร่กระจายสายพันธุ์ ไปยังทวีปเอเชีย และหมู่เกาะเวสต์อินดีส จนกลายเป็นพืชพื้นเมืองในหลายแห่ง [1]
กระเจี๊ยบแดง ลักษณะเป็นอย่างไร?
พืชไม้ล้มลุก หรือเป็นพุ่มไม้เตี้ยขนาดเล็ก โดยมีความสูง ประมาณ 2 – 2.5 เมตร ใบเป็นแฉกลึก เรียงสลับกันตามลำต้น 3 – 5 แฉก และมีความยาว 8 – 15 เซนติเมตร ทั้งยังมีดอกสีขาว หรือสีเหลืองอ่อน ดอกมีเส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ 8 – 10 เซนติเมตร และมีจุดสีแดงเข้มเมื่อผลสุก ใช้เวลาเจริญเติบโตกว่า 6 เดือน
การปลูกและสารประกอบหลัก
การขยายพันธุ์กระเจี๊ยบ เป็นการใช้เมล็ดปลูก แนะนำควรปลูกในช่วงฤดูฝน (เดือนพฤษภาคม - เดือนมิถุนายน) เพราะเป็นพืชไวต่อแสงแดด เริ่มจากการพรวนดินก่อน แล้วขุดหลุมเล็ก ๆ หยอดเมล็ดลงหลุม 2 – 3 เมล็ด / หลุม โดยออกดอกช่วงเดือนตุลาคม ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ และพร้อมเก็บส่วนดอกแก่เท่านั้น
สารประกอบหลัก ในกระเจี๊ยบดิบ ได้แก่ กรดนีโอคลอโรเจนิก กรดคลอโรเจนิก กรดคริปโตคลอโรเจนิก กรดคาเฟโออิลชิคิมิก และฟลาโวนอยด์ โดยเป็นแหล่งสารอาหารดี ของสารต้านอนุมูลอิสระ แบบละลายในไขมัน จึงนิยมนำมาทำอาหาร และเครื่องดื่ม ทั้งนี้กลีบดอกสีแดง ยังให้รสชาติหวานอมเปรี้ยวอีกด้วย
กระเจี๊ยบแดง ความรู้สมุนไพรไทยสีแดงสด
กระเจี๊ยบสีแดง นับว่าเป็น ผักพื้นถิ่น ที่สามารถปลูกง่าย และเจริญเติบโตได้ดี อยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย นิยมปลูกกันตามบ้านเรือน เพราะไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะ แต่หลายคนอาจเข้าใจผิด คิดว่าเป็นพืชชนิดเดียวกับ กระเจี๊ยบมอญแดง (กระเจี๊ยบเขียวฝักแดง) สำหรับทำอาหาร และมีรสชาติเปรี้ยวเหมือนกัน
สรรพคุณและข้อควรระวัง
สรรพคุณเด่นของกระเจี๊ยบ สามารถรับประทานได้ทั้งใบ กลีบเลี้ยง ผล และต้น ให้คุณประโยชน์ดังนี้
- ใบและกลีบเลี้ยง : รสชาติเปรี้ยว ช่วยขับเสมหะ ขับปัสสาวะ ขับน้ำดี ขับนิ่วในไต ขับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ และ รักษาอาการท้องผูก
- กลีบเลี้ยง : ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ และ ขับเมือกในลำไส้
- ผล : รสชาติจืด แก้อาการอ่อนเพลีย บำรุงกำลังและร่างกาย และ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
- ต้น : สำหรับทางการแพทย์พื้นบ้าน ของชาวอียิปต์โบราณ มักใช้ทั้งต้นกระเจี๊ยบต้มกิน เพื่อช่วยรักษาโรคหัวใจ และ ความดันโลหิต เพราะมีฤทธิ์ช่วยขับปัสสาวะ
ข้อควรระวัง : หากรับประทานมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง หรือท้องเสีย เพราะมีฤทธิ์ระบายอ่อน ๆ และห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีภาวะไตบกพร่อง และผู้ป่วยที่มีภาวะนิ่วในไต (นิ่วชนิดกรดยูริก เพราะจะทำให้นิ่ว เกิดการสะสมมากขึ้น) [2]
นอกจากนี้ การดื่มน้ำกระเจี๊ยบ สามารถช่วยบรรเทา อาการไข้หวัด รักษาแผลสด ป้องกันการเกิดโรคโลหิตจาง และ ป้องกันการเกิดโรคอ้วน หรือระดับคอเลสเตอรอลสูงในร่างกาย
รวมเมนูคลายร้อนจาก กระเจี๊ยบ แดง
เมนูส่วนใหญ่จากกระเจี๊ยบ แดง นิยมนำไปต้ม เป็นเครื่องดื่มสมุนไพร เหมือนกับ ใบบัวบก ซึ่งช่วยคลายร้อน ดับกระหายได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ควรกินติดต่อกันทุกวัน สำหรับการทำน้ำกระเจี๊ยบ ควรล้างให้สะเด็ดน้ำแห้งก่อน จากนั้นนำไปต้ม 20 – 40 นาที และกรองเศษออกก่อนดื่ม มีเมนูหลากหลาย ดังต่อไปนี้
- น้ำกระเจี๊ยบพุทราจีน : รสชาติเปรี้ยวหวาน และมีกลิ่นหอม ดื่มแบบใส่น้ำแข็ง เพื่อคลายร้อน
- น้ำกระเจี๊ยบโซดา : รสชาติสามารถปรับลดได้ตามต้องการ โซดาจะช่วยเพิ่มความสดชื่นมากขึ้น
- ชากระเจี๊ยบ : ดอกกระเจี๊ยบตากแห้งจนกรอบ แล้วใส่ชงกับน้ำร้อน เติมความหวานหรือมะนาว
ที่มา: 4 เมนูน้ำกระเจี๊ยบ [3]
สรุป กระเจี๊ยบแดง “Roselle”
กระเจี๊ยบแดง พืชดอก ชนิดไม้ล้มลุกขนาดเล็ก แหล่งกำเนิดในแอฟริกาตะวันตก นิยมเก็บดอกแก่ ในช่วงปลายฤดูฝน เพื่อนำมาประกอบอาหาร และทำเครื่องดื่มสมุนไพรดับร้อน มีสรรพคุณด้านการรักษามากมาย ทั้งรักษาไข้หวัด ขับเสมหะ และป้องกันความดันโลหิตสูง
อ้างอิง
[1] wikipedia. (September 2, 2024). Roselle (plant). Retrieved from wikipedia
[2] hdmall. (2024). กระเจี๊ยบ ข้อมูล สรรพคุณ ข้อควรระวัง. Retrieved from hdmall
[3] kapook. (2024). 4 เมนูน้ำกระเจี๊ยบ. Retrieved from cooking.kapook